วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

10 อันดับ รถยนต์เร็วที่สุด

10 อันดับ รถยนต์เร็วที่สุด
10. Ferrari Enzo 349 กม./ชม.
Ferrari Enzo ค่ายม้าลำพองผลิตช่วงปี 2002 ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ เทคโนโลยีฟอร์มูลา-วัน ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบอิเล็กโทรไฮดรอลิก จานเบรกทำจากเซรามิก เครื่องยนต์เบนซิน รหัส F140 อะลูมิเนียมวี12 สูบ 48 วาล์ว 5,998 ซีซี วางกลางลำตัว ไม่พึ่งเทอร์โบ 660 แรงม้า ที่ 7,800 รอบ/นาที แรงบิด 657 นิวตัน-เมตร (66.9 กิโลกรัม-เมตร) ที่ 5,500 รอบ/นาที เกียร์กึ่งอัตโนมัติ 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง อัตราเร่ง 0-96.5 กม./ชม. ในเวลา 3.14 วินาที ความเร็วสูงสุด 217 ไมล์/ชม. หรือ 349 กม./ชม. ราคา 670,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 20.1 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษี)


9. Lamborghini Aventador LP700 354 กม./ชม.
Lamborghini Aventador LP700 กระทิงดุแห่งอิตาลี รูปทรงโดดเด่นสะดุดตา ชื่อรุ่นมาจากวัวตัวหนึ่งที่ต่อสู้ในซาราโกซ่า Arena เดือนตุลาคม ค.ศ.1993 ซึ่งมีความเร็วที่สุดในโลก เครื่องยนต์แบบเบนซิน วี12 สูบ 48 วาล์ว 6,498 ซีซี วางกลางลำตัว 700 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที แรงบิด 690 นิวตัน-เมตร (70.3 กิโลกรัม-เมตร) ที่ 5,500 รอบ/นาที เกียร์กึ่งอัตโนมัติซิงเกิล-คลัตช์ 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ฟูลไทม์ อัตราเร่ง 0-96.5 กม./ชม. ในเวลา 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 ไมล์/ชม.หรือ 354 กม./ชม. ราคา 379,700 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 11.4 ล้านบาท (ไม่รวมภาษี)


8. Noble M600 362 กม./ชม.
Noble M600 ซูเปอร์คาร์จากอังกฤษอีกค่ายโครงสร้างอะลูมิเนียม และคาร์บอนไฟเบอร์ ใช้เครื่องยนต์จากวอลโว่เบนซิน รหัส B8444S วี8 สูบ 32 วาล์ว 4,439 ซีซี ทวินเทอร์โบ วางกลางลำตัว 650 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิด 874 นิวตัน-เมตร (89 กิโลกรัม-เมตร) เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง อัตราเร่ง 0-96.5 กม./ชม.ในเวลา 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 ไมล์/ชม. หรือ 362 กม./ชม. ราคา 330,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 9.9 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษี)


7. Zenvo ST1 374 กม./ชม.
Zenvo ST1 ซูเปอร์คาร์จากประเทศเดนมาร์ก ผลิตช่วงปี 2009 จุดเด่นคือ ใช้เครื่องยนต์เบนซินวี8 สูบ 32 วาล์ว 7,000 ซีซี พร้อมซูเปอร์ชาร์จและเทอร์โบ วางตามยาวหน้าตัวรถ 1,104 แรงม้า ที่ 6,900 รอบ/นาที แรงบิด 1430 นิวตัน-เมตร (145.8 กิโลกรัม-เมตร) ที่ 4,500 รอบ/นาที เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง อัตราเร่ง 0-96.5 กม./ชม.ในเวลา 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 233 ไมล์/ชม. หรือ 374 กม./ชม. ราคา 1,225,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 36.75 ล้านบาท (ไม่รวมภาษี)


6. McLaren F1 386 กม./ชม.
McLaren F1 ซูเปอร์คาร์ชื่อดัง เป็นที่รู้จักมากที่สุดจากทีมแข่งในระดับฟอร์มูลา-วัน สู่การผลิตรถเพื่อขายทั่วไป เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 1992 เป็นต้นมา โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกนก เครื่องยนต์เบนซิน บีเอ็มดับเบิลยู S70/2 วี12 สูบ 48 วาล์ว 6,064 ซีซี วางกลางลำตัว 627 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที แรงบิด 617 นิวตัน-เมตร (62.9 กิโลกรัม-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง อัตราเร่ง 0-96.5 กม./ชม. ในเวลา 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 ไมล์/ชม. หรือ 386 กม./ชม. ราคา 970,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 29.1 ล้านบาท (ไม่รวมภาษี)


อันดับ 5 - 1 ตามไปดูได้ที่ Click

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

10 อันดับรถยนต์ แรงที่สุด

10 อันดับรถยนต์ แรงที่สุด
ผลิตขายทั่วโลกทั้งหมด 6 แบบตัวถัง คือ C8 Double 12 S, C8 double 12 R ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้แข่งใน Le mans GT และ C12 La Turbie เป็นรุ่นที่ออกแบบตัวถังยาว Long wheel base เครื่องยนต์วี8 สูบ 40 วาล์ว ทวินเทอร์โบ 4.2 ลิตร 400 แรงม้า ราคา 37,000,000 บาท


เครื่องยนต์วี8 สูบ -32 วาล์ว High-Performance Engine พร้อม VANOS กำลังสูงสุด 420 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 3,900 รอบ/นาที เกียร์ 7 จังหวะ ราคา 10,299,000 บาท


เครื่องยนต์วี8 32 วาล์ว 4.7 ลิตร กำลังสูงสุด 450 แรงม้า ที่ 7100 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 4.6 วินาที ความเร็วได้สูงสุดถึง 301 กม./ชม. ราคา 16,500,000 บาท


ดีบี8 มา 2 รุ่นตัวถังทั้งแบบคูเป้ และเปิดหลังคา เครื่องยนต์วี12 สูบ 6.0 ลิตร 48 วาล์ว กำลังสูงสุด 477 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะแบบ Touch-tronic ของ ZF ราคา 24,500,000 บาท


รถซีดาน 4 ประตูแรงสุดของจากัวร์ เครื่องยนต์แบบ AJ-V8 Gen III วี8 สูบ 32 วาล์ว ซูเปอร์ชาร์จ Twin Vortex System (TVS) แบบ Roots-Type พร้อมระบบ Active Diffrential Control และ Adaptive Dynamics กำลังสูงสุด 510 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (Jaguar Sequential Shift) ราคา 15,000,000 บาท


อันดับ 5-1 ตามปดูได้ที่ Click

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

10 อันดับรถยนต์ที่แพงที่สุดในไทย

10 อันดับรถยนต์ที่แพงที่สุดในไทย

รถหรูสัญชาติผู้ดีอย่าง Bentley Continental GT V8 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 500 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 660 นิวตัน-เมตร ถือเป็นรถที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพและมีพละกำลังที่เหนือชั้นตามแบบฉบับของเบนท์ลี่ย์ทุกประการ เสริมด้วยระบบส่งกำลังหรือระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่ทำการปรับเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็ว อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียงแค่ 5 วินาทีกว่าๆ อีกทั้งยังมีความเร็วสูงสุดที่ 290 กม./ชม. ราคาเพียง 18.9 ล้านบาท


เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2009 แต่ก็ยังได้รับความนิยม ภายนอกนั้นสวยหรูถูกใจเศรษฐี ภายในห้องโดยสารเองก็หรูหรา สง่างามระดับพรีเมี่ยม ด้วย พวงมาลัยสามก้านหุ้มหนัง พร้อมแผงปุ่มกดปรับเปลี่ยนสปีดที่เป็นโหมดในการขับขี่ได้ถึง สามระดับ เทคโนโลยีเดียวกับรถในสนามแข่ง สามารถเปลี่ยนเกียร์ง่ายเพียงกดปุ่ม ด้วยเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร 560 แรงม้า สามารถทำความเร็วได้ถึง 325 กม./ชม. มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สนนราคาอยู่ที่ 23.5 ล้านบาท



ซุปเปอร์คาร์จากยุโรปสัญชาติอิตาเลียนตัวนี้ Lamborghini Gallardo LP 570-4 Superleggera มีราคาอยู่ที่ 25.5 ล้านบาท อัตราเเรงม้าต่อน้ำหนักเหนือกว่าคู่แข่ง โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 1,340 กิโลกรัม แม้ว่าจะมีน้ำหนักที่เบา แต่มีกำลังม้าที่มาก ทำให้เจ้า LP 570-4 Superleggera มีอัตราการออกตัวที่ดีมากคือ สามารถออกตัวจาก 0-100 km/h ในเวลาเพียง 3.4 วินาที ทำให้สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 325 กม./ชม. ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้แรงม้าสูงสุดถึง 570 แรงม้า


รถหรูสัญชาติผู้ดี รุ่นล่าสุดที่ทางโรลส์รอยซ์ เปิดตัวเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของค่าย เมื่อปี 2011ซึ่งรุ่น Ghost ตัวนี้มีฐานล้อยาว พร้อมทั้งยังคงความหรูหราและยอดเยี่ยมไว้เหมือนเดิม ประกอบด้วยมือ ณ โรงงานกู๊ดวูด ประเทศอังกฤษ ใช้เครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ ขนาด 6.6 ลิตร ให้กำลังสูงสูงสุด 563 แรงม้า มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF ในราคา 27.9 ล้านบาท


6. Ferrari 458 Spider 32 ล้านบาท
รถยนต์รุ่น 458 Spider เวอร์ชั่นเปิดประทุนสานต่อจากรุ่น 458 Italia ที่วางขายอยู่แล้ว โดยการกลับมาของ Ferrari 458 Spider ให้ความพิเศษด้วยเรือนร่างที่พัฒนาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น หนึ่งเดียวของรถยนต์เครื่องยนต์วางกลางที่เป็นแบบพับหลังคาได้ เครื่องยนต์ขุมพลัง V 8 ขนาด 4.5 ลิตร วางกลางตัวรถ ให้กำลังสูงสุด 570 แรงม้าที่ 9000 รอบ/นาที แรงบิดได้สูงสุด 540 นิวตันเมตร การตอบสนองประดุจรถสูตร1จากสนามสู่ถนนด้วย เกียร์ 7 สปีดคลัทช์คู่ เทคโนโลยีล่าสุด ทำความเร็ว 0-100 กม. เพียง 3.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 320 กม/ชม. ในราคา 32 ล้านบาท


อันดับ 5-1 ตามไปดูได้ที่  Click

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

10 อันดับรถยนต์ถูกที่สุดในไทย

10 อันดับรถยนต์ถูกที่สุดในไทย

10. Chevrolet Sonic 548,000 บาท 
รถน้องใหม่ล่าสุดที่ออกมาจากค่ายเชฟโรเลต มีให้เลือกทั้งรุ่น 4 และ 5 ประตู ดีไซน์สุดจี๊ดสำหรับวัยมันส์ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.4 ลิตร DOHC พร้อมระบบ Double CVC รองรับเชื้อเพลิงเอทานอล E20 ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดซึ่งถือเป็นครั้งแรกของรถระดับนี้ Sonic มาพร้อมกับ 8 รุ่นย่อย จากรูปลักษณ์ตัวถัง 2 แบบ เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ตลอดจนการตกแต่ง 3 ระดับให้เลือกใช้ตามต้องการ โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 548,000 บาท


9. Toyota Vios 520,000 บาท 
รถที่ออกมาได้หลายปี ปรับโฉมมาแล้วก็หลายครั้ง แต่ก็ยังขายดี ครองใจผู้ใช้รถยนต์ Sub-Compact มานาน สำหรับ "วีออส" ซึ่งถือว่าช่วงนี้จะเป็นรุ่นปลายๆอายุตลาดแล้ว แต่ก็ขายได้สม่ำเสมอ ราคาเริ่มต้นเพียง 520,000 ในรุ่น J เกียร์ธรรมดา มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส 1NZ-FE, 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i 109 แรงม้า พร้อมความทนทาน อะไหล่หาง่าย ราคาขายต่อไม่ตกอีกต่างหาก


8. Honda Brio 433,500 บาท
รถ Eco-Car อีกรุ่นที่มีผู้บริโภคพูดถึงมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง รูปทรงสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ในรุ่นถูกสุด ของปี 2012 เกียร์ธรรมดา เปิดราคาที่ 433,500 บาท มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ DOHC VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 90 แรงม้า ที่ถูกล็อกความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ 145 กม./ชม. เหมือนกับรถ K-Car ในญี่ปุ่น


7. Suzuki Swift 429,000 บาท 
ตั้งแต่เปิดตัวตัวไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างทั้งยอดซื้อยอดจองไปแล้วเกือบๆ สองหมื่นคัน สำหรับ "ซูซูกิ สวิฟท์" ซึ่งในเวลานี้ คงไม่มีรถรุ่นไหนที่ขายดีไปกว่านี้ โดยที่ซูซูกิเองก็ตั้งตัว ตั้งหลักการผลิตขายกันแทบไม่ทัน ศูนย์บริการก็ยังมีไม่ทั่วประเทศ แต่รถเค้าสวยถูกใจมหาชนจริงๆ ในราคาเริ่มต้นที่ 429,000 บาท สำหรับเกียร์ธรรมดา และ 469,000 บาท ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ แถมยังเป็น Eco-Car ที่จองวันนี้ ยังได้รับเงินคืนภาษีรถคันแรกสำหรับคนที่ไม่เคยซื้อรถมาก่อน แถมรับรถกันปีหน้าเลยทีเดียว สำหรับ สวิฟท์ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT 91 แรงม้า


6. Nissan Almera 429,000 บาท 
เป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตูรุ่นแรกที่ออกมาและได้รับการตอบรับจากมวลชนอย่างมหาศาล สำหรับ นิสสัน อัลเมร่า (ชื่อนี้เคยใช้กับซันนี่ อัลเมร่า มาแล้วเมื่อ 10 กว่าปีก่อน แม่ไม่ประสบความสำเร็จในยุคนั้น) ด้วยยอดจองมากมายหลายหมื่นคัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 429,000 บาท กับตัวรถและห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่กว่ารถรุ่นเดียวกัน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร HR12DE ขนาด 3 สูบ 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร สบายๆ


อันดับ 5-1 ตามไปดูได้ที่ Click

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

10 อันดับรถยนต์ในฝันผู้ชาย

10 อันดับรถยนต์ในฝันผู้ชาย
10. AUDI TT Coupe 2.0 Turbo FSI
รถคูเป้ 2+2 ที่นั่ง ด้วยความสวยลงตัวและดูคล่องแคล่ว เครื่องยนต์ไม่ใหญ่โตเกินไปจนเปลืองน้ำมัน แต่ก็แลกกับกำลังที่ไม่ดุดันมากนัก จึงถูกเลือกเข้ามารั้งท้ายในอันดับนี้ เครื่องยนต์เบนซินไดเร็คอินเจ็คชั่น 4 สูบ เทอร์โบ 2,000 ซีซี 200 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า ราคา 4,689,000 บาทเท่านั้น


9. MERCEDES-BENZ SLK BlueEFFICIENCY 
โร้ดสเตอร์ 2 ประตู เปิดหลังคาได้ด้วยระบบไฟฟ้า รูปลักษณ์อมตะสไตล์ค่ายดาว 3 แฉก มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 1,800 ซีซี 184 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 7G-Tronic Plus ขับเคลื่อนล้อหลัง ช่วงหน้ารถยาวและท้ายสั้น ให้ความรู้สึกเหมือนรถสปอร์ตแท้ๆ ราคา 4,299,000 บาท


8. LOTUS Elise 
สปอร์ต 2 ประตู เทคโนโลยีจากอังกฤษ จุดเด่นคือ เป็นรถสปอร์ตที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน เพียง 876 กิโลกรัม พร้อมอารมณ์ดิบๆ สไตล์ซูเปอร์คาร์ขนาดเล็ก เครื่องยนต์โตโยต้า 1ZR-FAE แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-I 1,600 ซีซี 134 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ วางกลางลำตัว ขับเคลื่อนล้อหลัง แต่อย่าพึ่งดูถูกว่ามีกำลังน้อย เพราะหากเทียบกับน้ำหนักตัวรถกับแรงม้าแล้ว ก็เพียง 6.5 กิโลกรัม/1แรงม้าเท่านั้น ราคา 3,900,000 บาท


7. NISSAN 370 Z Fairlady 
สปอร์ตคูเป้ 2 ประตู ยอดฮิตตลอดกาล สืบทอดจากรุ่น 240Z ในตำนานอันโด่งดัง ด้วยดีไซน์ที่ดุดันตรงใจนักซิ่ง และเป็นรุ่นต่อเนื่องจาก 350Z ที่นิสสันนำเข้าจำหน่ายเองโดยตรง เครื่องยนต์เบนซินวี VQ6 สูบ VVEL 333 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง นับว่าเป็นรถสปอร์ตสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่หรูหราที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง ราคา 5,3000,000 บาท


6. BMW Z4 
โร้ดสเตอร์ 2 ประตู 2 ที่นั่ง หน้ายาวท้ายสั้น รุ่นที่มีสายการผลิตยาวนาน สไตล์ยุโรป ปัจจุบันเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 รหัสตัวถัง E89 ในไทยมี 2 รุ่นเครื่องยนต์ให้เลือกคือ เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบทวินสโครว 184 แรงม้า เกียร์ 8 จังหวะ และเบนซิน 6 สูบเรียง 2,500 ซีซี 204 แรงม้า เกียร์ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลังทั้ง 2 รุ่น ราคาตั้งแต่ 3,799,000-4,799,000 บาท


อันดับ 5-1 ตามไปดูได้ที่ http://www.checkraka.com/top10/รถยนต์ใหม่-14-158/10-อันดับรถยนต์/รถในฝันผู้ชาย-1350012/?pubcat_path=14_158

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับรถยนต์ในฝันผู้หญิง

10 อันดับรถยนต์ในฝันผู้หญิง
10.NEW HONDA CRV 2012
กระแสรถ SUV มาแรงทำให้ติดอยู่ในกลุ่มรถในฝันผู้หญิง ทั้งที่ส่วนใหญ่มักเป็นรถแนวสปอร์ต แต่ก็ชนะใจผู้ชื่นชอบเข้ามาในตำแหน่งนี้ได้ New CRV เพิ่งเปิดตัวโมเดลเชนจ์ใหม่ทั้งคันเมื่อเดือนกันยายน 2012 มี 2 รุ่นย่อยคือ 2.0 และ 2.4 ลิตร ทั้งขับเคลื่อนล้อหน้าและ 4 ล้อ ราคาตั้งแต่ 1,164,000-1,524,000 บาท


9.NISSAN 370Z
รถสปอร์ตในฝันของหลายคน ด้วยความสวยแบบหรูหรากว่ารถญี่ปุ่นในประเภทเดียวกัน ทำให้มัดใจสาวๆ ได้อยู่หมัด พร้อมการดูแลรักษาง่ายไม่ต้องวุ่นวายมากนัก เนื่องจากไม่มีระบบเทอร์โบชาร์จจึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัย เครื่องยนต์เบนซินวี6 สูบ 3,700 ซีซี 333 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง ราคา 5,300,000 บาท


8.BMW Z4
BMW Z4 โร้ดสเตอร์เปิดหลังคาได้แบบ 2 ประตู 2 ที่นั่ง รูปทรงสวยงามลงตัว แฝงความหรูหรา และสมรรถนะ มี 2 รุ่นเครื่องยนต์หลัก 4 รุ่นย่อย คือ Z4 sDrive 2.0i, sDrive 2.0i Highline และ sDrive 2.8i, sDrive 2.8i Highline ราคาตั้งแต่ 3,799,000-4,799,000 บาท


7.FERARI California
FERARI California ซูเปอร์คาร์ระดับต้นๆ ของโลกอยู่ 1 ใน 10 เสมอ ด้วยความโดดเด่นทั้งสมรรถนะ รูปทรง และราคา! เป็นรถที่เศรษฐีนิยมซื้อขับเป็นอันดับต้นๆ ขุมพลังวี8 สูบ 4,297 ซีซี 453 แรงม้า ราคา 23,000,000 บาทเท่านั้น


6.PEUGEOT RCZ Sport
PEUGEOT RCZ Sport หลังจากเงียบหายไปนาน กลับมาคราวนี้เปอร์โยทยอยออกรุ่นใหม่มาเรื่อยๆ 1 ในนั้นคือ CRZ สปอร์ตคูเป้ 2 ประตู ดีไซน์โฉบเฉี่ยวแฝงความหรูหรา เครื่องยนต์เบนซินไดเร็คอินเจ็คชั่น 4 สูบ 1,600 ซีซี เทอร์โบ 156 แรงม้า เกียร์ทริปทรอนิกส์ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า ราคา 2,950,000 บาท


วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับรถยนต์...ประหยัดน้ำมันที่สุด
หนึ่งในรถสปอร์ตเพื่อโลกอนาคต และเป็นรถไฮบริดสปอร์ตคูเป้รุ่นแรกของฮอนด้า ที่ใช้เครื่องยนต์สวนทางกับรูปร่าง เครื่องยนต์แบบ Hybrid รหัส L15A 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC 113 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า IMA (Integrated Motor Assist) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดการปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 16-18 กม./ลิตร (ในโบรชัวร์สเป็คญี่ปุ่น อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในรุ่นเกียร์ CVT เมื่อวิ่งตามโหมดการทดสอบแบบ 10-15 สามารถประหยัดได้ถึง 25 กม./ลิตร)


เป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตูรุ่นแรกที่ออกมาและได้รับการตอบรับจากมวลชนเป็นอย่างดี สำหรับ นิสสัน อัลเมร่า ที่มีตัวรถและห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่กว่ารถรุ่นเดียวกัน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร HR12DE ขนาด 3 สูบ 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร แบบไม่ลำบากเท่าไหร่ (แต่เมื่อใช้งานในเมือง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 11-16 กม./ลิตร)


รถ Eco-Car อีกรุ่นที่มีเสียงพูดถึงจากผู้บริโภคพูดถึงมากที่สุดอีกหนึ่งรุ่น แม้ว่าจะมีการปรับโฉมเล็กๆน้อยๆเพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ในรุ่นถูกสุดมาแล้ว สำหรับ บริโอ้ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ DOHC VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 90 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 14-16 กม./ลิตร ซึ่งอาจจะกินนิดๆ เพื่อแลกมาด้วยอัตราเร่งที่ดีกว่ารถหลายๆรุ่นในกลุ่ม Eco-Car แต่หากใช้งานนอกเมือง สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร เหมือนที่โฆษณาไว้ 

  
รถ Eco-Car ที่ประสบความสำเร็จและขายดีมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของ ซูซูกิ ที่โดดเด่นในด้านรูปทรง และอุปกรณ์ต่างๆที่ติดมาให้กับตัวรถ สำหรับ สวิฟท์ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT 91 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง(ใช้งานในเมือง)โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12-18 กม./ลิตร ดูเหมือนว่า สวิฟท์ จะกินน้ำมันมากหน่อย แต่หากใช้งานนอกเมือง สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20-21 กม./ลิตร เลยทีเดียว


สำหรับรถที่ได้รับความนิยมอย่างมาก (เพราะเริ่มขายก่อนใครเพื่อน) และมีราคาถูกในท้องตลาด นั่นคือ "นิสสัน มาร์ช" ที่(ชื่อนี้)เคยขายในไทยเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนหวนกลับมาใหม่ในรูปแบบของรถ "Eco-Car" คันแรกของไทย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร HR12DE ขนาด 3 สูบ 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร (แต่การวิ่งใช้งานจริง อยู่ที่ประมาณ 12-18 กม./ลิตร ตามสภาพการขับขี่)